“อุณหภูมิ” คือสิ่งสำคัญในการทำงานของตู้เย็นและตู้แช่ เพื่อการเก็บรักษาความสดใหม่ของวัตถุดิบ อาหาร เครื่องดื่ม หรือสินค้าประเภทอื่น ๆ ที่ต้องการความเย็น แล้วคุณเคยสงสัยไหมว่าแล้วความเย็นในตู้แช่มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรกัน คำตอบคือ “คอมเพรสเซอร์” หรือ “Compressor” ซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ระบบทำความเย็นสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง
สำหรับในตู้แช่และตู้เย็นแล้วนั้น คอมเพรสเซอร์ถือเป็นหัวใจสำคัญที่มีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำความเย็น หากตู้แช่ที่มีการใช้คอมเพรสเซอร์คุณภาพต่ำหรือไม่ได้มาตรฐาน อาจส่งผลให้ระบบทำความเย็นทำงานได้ไม่เต็มที่ อาจเกิดความเสียหายต่อระบบ หรือทำให้มีการใช้พลังงานปริมาณมากในการทำความเย็นจนเกิดปัญหาตู้แช่กินไฟ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการใช้งานในระยะยาว
ดังนั้นคอมเพรสเซอร์จึงกลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ไม่สามารถมองข้ามได้เมื่อเลือกซื้อตู้แช่หรือตู้เย็น เพราะมันคือกลไลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความเย็นที่ช่วยรักษาความสดใหม่ของวัตถุดิบต่าง ๆ เพราะฉะนั้นการเลือกตู้แช่ ที่ใช้คอมเพรสเซอร์คุณภาพสูงและได้รับการรับรองมาตรฐานที่เชื่อถือได้ เช่น เครื่องหมาย มอก. หรือมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ในคุณภาพและความคุ้มค่า ซึ่งถือเป็นการการันตีคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าที่มีประสิทธิภาพสูง
คอมเพรสเซอร์ หรือ Compressor คือ อุปกรณ์สำคัญในระบบทำความเย็นที่ทำหน้าที่ดูดอัดและหมุนเวียนสารทำความเย็น (Refrigerant) ภายในระบบของตู้แช่และตู้เย็น โดยหน้าที่หลักของคอมเพรสเซอร์คือการอัดสารทำความเย็นในสถานะก๊าซให้มีความดันสูง เพื่อเปลี่ยนพลังงานจากการอัดเป็นพลังงานความร้อน ซึ่งจะถูกระบายออกในตัวควบแน่นหรือคอนเดนเซอร์ (Condenser) เมื่อสารทำความเย็นผ่านกระบวนการนี้จะเปลี่ยนสถานะจากก๊าซกลับไปเป็นของเหลวพร้อมที่จะนำไปใช้ในกระบวนการระเหยที่คอยล์เย็น (Evaporation) อีกครั้ง โดยกระบวนการทำงานนี้จะเกิดขึ้นเป็นวงจรซ้ำ ๆ เพื่อให้ความเย็นภายในตู้แช่หรือเครื่องทำความเย็นคงที่ ซึ่งประเภทของคอมเพรสเซอร์ที่นิยมใช้ในระบบของตู้แช่ หรือตู้เย็น คือ คอมเพรสเซอร์ลูกสูบชนิดปิดสนิทนั่นเอง
หนึ่งสิ่งในระบบทำความเย็นของตู้แช่และตู้เย็นที่เป็นส่วนสำคัญเช่นเดียวกันคือเรื่องของอุณหภูมิ รวมถึงความสอดคล้องและความเหมาะสมของขนาดพื้นที่จัดเก็บและสินค้าที่ต้องการแช่เพื่อให้เกิดการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหลักการทำงานของตู้แช่และตู้เย็นจะมีการทำงานที่ไม่ต่างกันมากนัก โดยสามารถอธิบายได้ดังต่อไปนี้
หลักการทำงานของตู้เย็น
คอมเพรสเซอร์ (Compressor) ทำหน้าที่ในการอัดสารทำความเย็นในสถานะก๊าซให้มีความดันและอุณหภูมิสูง จากนั้นสารทำความเย็นจะถูกส่งต่อไปยังคอยล์ร้อน (Condenser) ซึ่งเป็นบริเวณที่สารทำความเย็นระบายความร้อนออกสู่ภายนอกจนเปลี่ยนสถานะจากก๊าซเป็นของเหลว ซึ่งสารทำความเย็นในสถานะของเหลวจะถูกส่งต่อไปยังวาล์วลดความดัน (Expansion Valve) เพื่อลดความดันและอุณหภูมิ
จากนั้นสารทำความเย็นที่มีอุณหภูมิต่ำจะไหลเข้าสู่คอยล์เย็น (Evaporator) ซึ่งอยู่ภายในตู้เย็น โดยในขั้นตอนนี้สารทำความเย็นจะดูดซับความร้อนจากอากาศภายในตู้เย็น ทำให้สารทำความเย็นระเหยกลายเป็นก๊าซอีกครั้งขณะที่อุณหภูมิภายในตู้เย็นลดลง
เมื่อสารทำความเย็นกลายเป็นก๊าซจะถูกคอมเพรสเซอร์ดูดกลับเข้าสู่ระบบเพื่อเริ่มกระบวนการใหม่อีกครั้ง โดยวงจรนี้จะทำงานต่อเนื่องเพื่อรักษาความเย็นภายในตู้เย็นอย่างมีประสิทธิภาพ
หลักการทำงานของตู้แช่
หลักการทำงานของตู้แช่จะคล้ายคลึงกับตู้เย็น แต่มีความแตกต่างในด้านความสามารถในการลดอุณหภูมิให้ต่ำกว่าตู้เย็นทั่วไป โดยคอมเพรสเซอร์ (Compressor) จะทำหน้าที่อัดสารทำความเย็นให้มีความดันและอุณหภูมิสูงก่อนส่งต่อไปยังคอยล์ร้อน (Condenser) ซึ่งสารทำความเย็นจะระบายความร้อนออกและเปลี่ยนสถานะจากก๊าซเป็นของเหลว
จากนั้นสารทำความเย็นจะผ่านวาล์วลดความดัน (Expansion Valve) เพื่อลดความดันและอุณหภูมิ ก่อนจะเข้าสู่คอยล์เย็น (Evaporator) ซึ่งอยู่ในตู้แช่ โดยในขั้นตอนนี้สารทำความเย็นจะดูดซับความร้อนจากภายในตู้ตู้แช่ทำให้อุณหภูมิภายในลดลงจนถึงระดับที่เหมาะสมสำหรับการเก็บรักษาอาหารแช่แข็งหรือสินค้าที่ต้องการความเย็นจัด
ซึ่งความแตกต่างสำคัญของตู้แช่คือความสามารถในการรักษาอุณหภูมิให้ต่ำกว่าได้อย่างเสถียร โดยมีพัดลมระบายความร้อน (Fan) ที่ช่วยกระจายความเย็นภายในตู้แช่ให้ทั่วถึงและรวดเร็วยิ่งขึ้น และระบบนี้จะทำงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับตู้เย็น เพียงแต่ตู้แช่จะมีการออกแบบระบบทำความเย็นที่สามารถรองรับอุณหภูมิต่ำได้มากกว่า รวมถึงการควบคุมความชื้นเพื่อรักษาคุณภาพของสินค้าหรืออาหารที่เก็บรักษานั่นเอง
โดยส่วนใหญ่แล้วคอมเพรสเซอร์มักจะเกิดปัญหาอยู่บ่อยครั้งโดยเฉพาะช่วงหน้าร้อนที่มีอุณหภูมิภายนอกค่อนข้างสูง ดังนั้นหากผู้ที่ใช้งานตู้แช่หรือตู้เย็นควรหมั่นตรวจเช็กและสังเกตอาการของคอมเพรสเซอร์แบบเบื้องต้น โดยการใช้หลังมือแตะที่ผนังด้านข้างตู้หากสัมผัสได้ถึงความร้อนที่ผิดปกติอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคอมเพรสเซอร์กำลังทำงานหนักเพื่อระบายความร้อนมากเกินไปนั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีปัญหาที่พบบ่อยของคอมเพรสเซอร์ในตู้แช่และตู้เย็นที่ต้องคอยระวังไม่ให้เกิดขึ้น พร้อมวีธีการตรวจสอบและแก้ไขเบื้องต้นด้วยตัวเอง ดังนี้
หากปัญหาาคอมเพรสเซอร์ข้างต้นไม่สามารถแก้ไขเบื้องต้นให้หายขาดได้ด้วยตนเอง ควรเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้การซ่อมแซมเป็นไปอย่างถูกต้องและปลอดภัยก่อนจะเกิดปัญหาตามมาที่ใหญ่กว่าและช่วยยืดอายุการใช้งานของคอมเพรสเซอร์อีกด้วยนั่นเอง
การดูแลและบำรุงรักษาคอมเพรสเซอร์ (Compressor) อย่างเหมาะสมไม่เพียงแต่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ แต่ยังช่วยทำให้ระบบทำความเย็นในตู้เย็นและตู้แช่ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในระยะยาว โดยมีวิธีการดูแลคอมเพรสเซอร์ดังต่อไปนี้
เมื่อพูดถึงตู้แช่ที่มีคุณภาพสูง หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาคือ คอมเพรสเซอร์ (Compressor) ซึ่งเป็นหัวใจหลักของระบบทำความเย็น โดย SIAM INTERCOOL (สยามอินเตอร์คูล) ผู้ผลิตตู้แช่ชั้นนำของประเทศไทย ได้คัดสรรและเลือกใช้คอมเพรสเซอร์ที่มีมาตรฐานระดับสากล พร้อมการรับรองเครื่องหมาย มอก. (มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) เพื่อสร้างความมั่นใจในประสิทธิภาพและความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน
จึงทำให้ตู้แช่สยามอินเตอร์คูลเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพสำหรับการใช้งานในธุรกิจและเชิงพาณิชย์ที่ต้องการระบบทำความเย็นที่มีคุณภาพและมาตรฐานสูงตอบโจทย์ทั้งความทนทานและการประหยัดพลังงานในระบบทำความเย็น
หากคุณกำลังมองหาตู้แช่คุณภาพสูงที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ หรือธุรกิจอื่น ๆ ที่ต้องการระบบทำความเย็นที่มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ “SIAM INTERCOOL” คือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ ด้วยประสบการณ์ในอุตสาหกรรมการผลิตตู้แช่กว่า 20 ปี เราพร้อมให้บริการตั้งแต่การออกแบบ ผลิต จนถึงการส่งมอบสินค้าเพื่อให้ธุรกิจของคุณได้รับประโยชน์สูงสุด
ติดต่อหรือสอบถามรายละเอียดจาก SIAM INTERCOOL ได้ที่ช่องทางด้านล่าง
โทร. 061-536-4646
LINE: @siamintercool หรือคลิก https://lin.ee/Nef6ws2g
E-mail : [email protected]
Facebook : Siam Intercool
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว
