ในยุคสมัยที่ค่าครองชีพพุ่งสูง การประหยัดเงินทุกบาททุกสตางค์กลายเป็นเรื่องสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวันของของเรา หนึ่งในวิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายอย่าง “ค่าไฟฟ้า” ที่เราใช้กันอยู่ในทุกวันนี้ คือการเลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง ประหยัดพลังงาน และช่วยประหยัดไฟ ซึ่งฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง
และแน่นอนว่าหลายท่านคงคุ้นเคยกับฉลากเบอร์ 5 กันอยู่แล้ว เพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหนต่างก็เจอกับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ทั้งตู้เย็น ตู้แช่ พัดลม หรือเครื่องปรับอากาศที่มักจะมีฉลากประหยัดไฟติดอยู่กับสินค้าแทบทุกรุ่นทุกยี่ห้อ
จนกระทั่งล่าสุดเนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปี การจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า (Demand Side Management : DSM) ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้มีการประกาศใช้ “ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่” อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2567 ซึ่งเป็นฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ที่ช่วยเพิ่มทางเลือกในการประหยัดไฟมากกว่าเดิม อีกทั้งยังมุ่งเน้นเรื่องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมทั้งส่งเสริมแนวคิดด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี ค.ศ. 2050 ตามเป้าหมายที่วางไว้
แต่รู้หรือไม่ว่าฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่นั้น ไม่เพียงแค่บอกว่าผลิตภัณฑ์นี้ประหยัดไฟฟ้าได้มากน้อยเพียงใดเท่านั้น แต่ยังมีข้อมูลอื่น ๆ ที่สำคัญอีกมากมายที่จะสามารถช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าได้อย่างชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่ และทำความเข้าใจว่าข้อมูลต่างๆ ที่ระบุอยู่บนฉลากนี้มีความหมายอย่างไร และสามารถบอกอะไรกับคุณได้มากกว่าแค่การประหยัดพลังงาน
ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 คืออะไร ?
ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 คือ ฉลากที่ใช้แสดงถึงระดับประสิทธิภาพการใช้พลังงานของเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือผลิตภัณฑ์นั้น ๆ เช่น ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ พัดลมไฟฟ้า หรือตู้แช่เย็นแสดงสินค้า ซึ่งผ่านการรับรองจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่าและมีประสิทธิภาพ เสนอทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคในการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูง และเสริมสร้างทัศนคติการประหยัดไฟให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ถูกวิธีและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนรณรงค์ให้ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมเครื่องใช้และอุปกรณ์ไฟฟ้าผลิตสินค้าให้มีประสิทธิภาพสูงและจัดจำหน่ายในราคาที่เหมาะสม รวมทั้งสนับสนุนและแสวงหาเทคโนโลยีการประหยัดไฟฟ้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดอีกด้วย
ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่ ต่างจากแบบเก่าอย่างไร ?
ฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่ได้มีการพัฒนาต่อยอดจากฉลากประหยัดไฟแบบเก่า เพื่อให้ข้อมูลที่ครอบคลุมและชัดเจนยิ่งขึ้นสำหรับผู้บริโภค โดยมีการเพิ่มระดับของการประหยัดพลังงานให้มากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการใส่ใจสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างจากฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบเก่า ดังนี้
- เพิ่มดาว : การเพิ่มระดับประสิทธิภาพของค่าพลังงานจากฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบเดิม 1-3 ดาว เป็น 1-5 ดาว เพื่อให้ข้อมูลของประสิทธิภาพเครื่องใช้ไฟฟ้ามากขึ้น และเพิ่มทางเลือกในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงและประหยัดไฟมากกว่าเดิม
- เพิ่ม QR Code : เพิ่มคิวอาร์โค้ดเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถสแกนดูข้อมูลเพิ่มเติมและเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ง่ายยิ่งขึ้น เช่น การใช้งาน การติดตั้ง การบำรุงรักษา และข้อมูลอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ของสินค้า
- เพิ่มข้อมูลการลดการปล่อย CO2 : ระบุข้อมูลการลดการปล่อยคาร์บอน (CO2) ตลอดช่วงการใช้งานผลิตภัณฑ์ เพื่อแสดงถึงการมีส่วนร่วมในการลดโลกร้อนและเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลต่อการเกิดปัญหาโลกร้อน
- เพิ่มสัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม : เพิ่มสัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Circular Economy) เพื่อขยายบทบาทของฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 จากช่วงการเลือกซื้อสู่การดูแลตลอดวงจรชีวิต (Life Cycle) ของผลิตภัณฑ์
ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่ บอกอะไรบ้าง ?
ข้อมูลบนฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่ มีการอัปเดตรายละเอียดบนฉลากดังต่อไปนี้ ได้แก่
- ระดับประสิทธิภาพพลังงาน : ระดับประสิทธิภาพของค่าพลังงานในรูปแบบดาวตั้งแต่ 1 ถึง 5 ดาว โดยหมายถึงยิ่งได้ดาวมากก็ยิ่งประหยัดไฟมากขึ้นนั่นเอง
- ค่าไฟฟ้าต่อปี : ค่าไฟฟ้าที่ใช้ต่อปีโดยประมาณขึ้นอยู่กับการใช้งาน ซึ่งสามารถนำมาใช้เพื่อเปรียบเทียบกับเครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นอื่น และใช้ประมาณค่าไฟในการใช้งานได้
- ค่าประสิทธิภาพ : ตัวเลขจากการทดสอบประสิทธิภาพการใช้พลังงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละรุ่น โดยสามารถนำมาใช้เพื่อเปรียบเทียบกับเครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นอื่นที่มีขนาดใกล้เคียงกันได้
- ข้อมูลผลิตภัณฑ์ : ข้อมูลเบื้องต้นของผลิตภัณฑ์ เช่น ประเภทของผลิตภัณฑ์ ยี่ห้อ รุ่น หรือขนาด
- ปริมาณการลดการปล่อย CO2 : ข้อมูลปริมาณการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ตลอดช่วงการใช้งานผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการเลือกใช้สินค้าที่มีส่วนช่วยลดโลกร้อน
- สัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม : สัญลักษณ์ขั้นตอนผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Circular Economy) เพื่อให้ผู้บริโภคเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด
เลือกซื้อสินค้าที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ดีอย่างไร ?
การเลือกซื้อสินค้าที่มีฉลากเบอร์ 5 ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณประหยัดค่าไฟฟ้าและค่าใช้จ่ายในระยะยาวเท่านั้น แต่ยังเป็นการสนับสนุนการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย และนี่คือข้อดีที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อสินค้าที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ได้แก่
- ประหยัดค่าไฟฟ้า : สินค้าที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เป็นสินค้าที่ผ่านการทดสอบและรับรองว่ามีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าสินค้าที่ไม่มีฉลากนี้ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ในระยะยาวนั่นเอง
- การใช้งานที่มีประสิทธิภาพ : ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองฉลากเบอร์ 5 จะช่วยให้ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าที่มีประสิทธิภาพในการทำงานอย่างเหมาะสม โดยรับรองทั้งมาตรฐานความปลอดภัยและสินค้าที่มีคุณภาพสูง
- ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม : การเลือกซื้อสินค้าที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่ ซึ่งมีการแสดงข้อมูลการลดการปล่อย CO2 และสัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นการช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักถูกออกแบบให้มีการใช้พลังงานน้อยลง พร้อมทั้งสนับสนุนการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน
Mr.Chill ตู้แช่ประหยัดไฟ ฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่ สูงสุด 5 ดาว
“ตู้แช่ Mr.Chill” ตู้แช่ประหยัดไฟที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานที่ต้องการความประหยัดพลังงานและประสิทธิภาพสูงสุดด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการผลิตตู้แช่ จึงทำให้ตู้แช่ เบอร์ 5 Mr.Chill สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้รับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แบบใหม่ สูงสุด 5 ดาว ทำให้กลายเป็นตู้แช่ประหยัดไฟเบอร์ 5 ที่เจ้าของธุรกิจทั่วไทยมั่นใจเลือกใช้ในกิจการ
คุณสมบัติของตู้แช่ Mr.Chill
- รุ่นของตู้แช่ : ตู้แช่ Mr.Chill มีให้เลือกตั้งแต่รุ่น 1 – 6 ประตู (สีขาว / สีดำ)
- ระบบควบคุมความเย็น : ระบบ Digital Control
- ระบบทำความเย็น : ระบบทำความเย็นแบบ Fan Cool (No Frost)
- ช่วงอุณหภูมิของตู้แช่: อุณหภูมิของช่องแช่เย็น (Chill) +2°C ถึง +8°C / อุณหภูมิของช่องแช่แข็ง (Freezer) -8°C ถึง -10°C
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมของตู้แช่ Mr.Chill ได้ที่
: เปิดสเปกตู้แช่ของสด Mr.Chill ตู้แช่เดียวที่เหมาะกับร้านตามสั่ง
: ชี้เป้า! ตู้แช่เครื่องดื่ม Mr.Chill ตู้แช่ประหยัดไฟเบอร์ 5 มีวางจำหน่ายแล้วที่ดูโฮม
สนใจสั่งซื้อตู้แช่ Mr.Chill ผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่
- Dohome : สามารถเลือกดูสินค้าจริงและสั่งซื้อสินค้าได้ทางร้านดูโฮมทุกสาขาทั่วประเทศไทย
- SIAM INTERCOOL : สามารถสั่งซื้อกับทางโรงงานผลิตตู้แช่ Mr.Chill ได้โดยตรงจากโรงงาน
ติดต่อหรือสอบถามรายละเอียดจากเรา SIAM INTERCOOL ได้ที่ช่องทางด้านล่างเลยครับ
โทร. 061-536-4646
LINE: @siamintercool หรือคลิก https://lin.ee/Nef6ws2g
E-mail : [email protected]
Facebook : Siam Intercool